ชีวิต ต้องสู้ๆๆๆๆ
เป็นเรื่องที่งดงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อต้นไม้ต้นเล็กๆ ผลิดอกสีขาวแย้มบานอยู่บนลานหิน
ในความอ่อนหวานแต่ดูเจียมตัวนั้น
พร้อมที่จะอวดดอกชูช่องดงามแปลกตา
ทั้งที่ต้นไม้ทุกต้นน่าจะงามได้ก็เพียงบนลานดินที่ชุ่มชื้นเท่านั้น
แล้วจะมาเติบโตบนลานหินได้อย่างไร
ถ้าเรามอง ดีๆ แล้ว ในลานหินที่มีก้อนหินเรียงรายกันอยู่นั้น
จะมีซอกเล็กๆ ตามรอยต่อซอกหิน
ที่มีดินชื้นอยู่เล็กน้อย มองเห็นเป็นเส้นบางๆ
แต่บางครั้ง . . .ก็มากพอสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้เล็กๆ บางต้น
ที่ไม่ต้องการพื้นที่มากมาย
แต่ขอเพียงมีที่ได้เสียดยอดและผลิดอกออกใบก็พอแล้ว
ชีวิตของเราก็เป็นเช่นนั้น
หลายครั้งที่เราจะทำอะไรบางอย่าง
ในขณะที่เราไม่มีความสมบูรณ์พร้อม เท่าคนอื่น
จะหยิบจับอะไรก็ไม่มีความพร้อม
จะหันหาอะไรก็มีแต่ความขาดแคลน
ทำให้งานแต่ละงานเหมือนมีอุปสรรคมากมาย
จนทำให้ท้อถอย และหมดกำลังใจ
รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเวที ไม่มีโอกาส
จนดูเหมือนว่าปัญหาและอุปสรรคถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน
แล้วเราจะอยู่ได้ไหม จะอยู่ได้อย่างไรในที่อย่างนั้น
หากที่ตรงนั้น เป็นอย่างนั้นจริงๆ เราจะยอมอยู่ตรงนั้นจริงๆ หรือ
ที่ๆ เหมือนมีก้อนหินกดทับไว้ตลอดเวลา
คงไม่มีแม้แต่ที่ให้หายใจ
ทุกๆ วันคงทำได้เพียงแค่นั่งมองให้ความฝันของตัวเอง
ค่อยๆ แตกดับลงไปเรื่อยๆ
พร้อมกับกำลังใจที่ค่อยๆ เหือดหายไปจากชีวิต
มีเวลาไหม ลองคิดดูให้ละเอียดอีกครั้ง
ถามตัวเองอีกครั้งว่าอะไรที่ทำให้เราอึดอัด
อะไรที่ทำให้เราเหมือนถูกกดทับตลอดเวลา จนทำอะไรไม่ได้
เพราะว่าเราต้องการพื้นที่กว้าง เพื่อเติบโตใช่ไหม
เราต้องการความสมบูรณ์พร้อม อย่างเดียวใช่หรือเปล่า
เราไม่ได้คิดเลยใช่ไหมว่า . . .ไม่มีใครที่เกิดมากับความสมบูรณ์พร้อม
หรือว่าเพราะความคิดแค่นั้น . . .ที่ทำให้เราเติบโตไม่ได้
กลายมาเป็นข้ออ้างว่า . . .ทำอะไรไม่ได้
ลองมองดูสิ่งรอบตัวในแง่มุมอื่นดูบ้าง
มองชีวิตในแง่ของการเติบโตตามธรรมชาติ
ธรรมชาติที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อย ไปสู่ความเติบใหญ่
เริ่มต้นจากความไม่มี ไปสู่สิ่งที่มี
เริ่มจากงานที่เล็ก ไปสู่งานที่ยิ่งใหญ่
และ...ต้นไม้มากมายหลายต้น..ที่เริ่มหยัดยืนให้ได้ในที่เล็กๆ
เพื่อวันหนึ่งจะขยายกิ่งก้านออกไป
ละเอียดละออกับการใช้ชีวิตอีกสักนิด
สิ่งที่เราคิดว่าไม่ได้ก็อาจจะได้
สิ่งที่เราไม่คิดว่ามีอาจจะยังมีอยู่
เราอาจจะเห็นซอกหินเล็กๆ ที่พอให้เราโผล่พ้นขึ้นมาได้
ที่ตรงนั้นมีอยู่จริง
แม้ว่าก้อนหินจะเรียงตัวกันจนดูเหมือนทับกันอยู่
ขอพียงเรารู้วิธีการขยับหินบางก้อนให้มันเคลื่อนไหวไปมาสักนิด
ให้ก้อนหินเปลี่ยนรูป เปลี่ยนทิศทางการวางอยู่
เราอาจจะเห็นช่องว่างช่องเล็กๆ ที่กำลังรอคอยเรา
ให้เราค่อยๆ เบียดออกมาจนถึงรอยต่อของก้อนหิน ที่มีเส้นดินรอยเล็กๆ
แต่สามารถทำให้ต้นกล้าเสียดยอดขึ้นมารับแสงตะวันได้
รอยต่อของความขาดแคลนที่มีอยู่ อาจจะเป็นเรี่ยวแรงพลังที่ยิ่งใหญ่
ให้เรามีกำลังต่อสู้กับอุปสรรคได้เช่นกัน
ต้นไม้ที่ถูกกดทับไว้ใต้ก้อนหิน
ยังพยายามสู้อดทน จนเบียดขึ้นมาชูช่อได้
ชีวิตแค่มีอุปสรรคบ้างนิดเดียว
ไม่ได้ถูกกดทับด้วยปัญหามากมายขนาดนั้น
ทำไมจะข้ามผ่านอุปสรรคนั้นไม่ได้
ต้นไม้ . . .ไม่อาจเติบโตได้ใต้ก้อนหิน
ดอกไม้จะสวยงามได้ ต้องหาพื้นที่ในการผลิดอกให้ได้
คนจะยิ่งใหญ่ต้องเติบโตได้ . . คนจะยิ่งใหญ่ต้องเติบโตได้ . . .ด้วยการเอาชนะอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ได้
******************************************
******************************************
พลังของคำ ว่า " Yes "
มีคำบางคำในภาษาอังกฤษที่ผมชอบมากๆ หนึ่ง ในคำนั้นคือคำว่า 'Yes'
แต่ ถ้าคุณแค่อ่านผ่านตาหรือพูดเบาๆ แบบทั่วไป คุณคงไม่เห็นความสำคัญหรือพลังของคำๆ นี้หรอก
ขอให้ คุณลองอยู่คนเดียวในห้อง ตั้งใจจะสัมผัสพลังของคำๆ นี้
โดยตั้งตัวตรง นั่ง หรือยืน ก็ได้
กำมือให้แน่น 2 ข้าง ยกแขนท่อนล่าง งอข้อศอกเป็นมุม 90 องศากับตัว
ยืดหน้าขึ้น ตั้งใจ แล้วตะโกนคำว่า 'Yes' ดังๆ สัก 3 ครั้งซิ จะเกิดอะไรขึ้น?
ถ้า คุณบอกว่า ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่น่าจะใช่หรอก
เพราะ ด้วยการตะโกนคำว่า 'Yes' และท่าทีที่เอาจริงเอาจังของคุณนั้น
มันจะไปกระตุ้นพลังหลายอย่างในตัวคุณให้แสดงออกมา
ทั้งพลังจิตสำนึก พลังจิตใต้สำนึก พลังของความหวัง พลังของความกล้าหาญ
ที่จะเดินก้าวข้ามความกลัวทั้งหมดในชีวิต คุณ จะรู้สึกว่า......
1.เหมือนเป็นการปลดปล่อยโซ่ตรวนที่ ล่ามความคิดและหัวใจของคุณ
ที่ติดอยู่กับสิ่งที่คิดเสมอๆ ว่า.....เป็นไปไม่ได้! ให้กลายเป็นสิ่งที่.....เป็นไปได้!
โซ่ ตรวนเหล่านั้นคือ ความรู้สึก และคำว่า
เป็นไปไม่ได้! ทำไม่ได้!
เมื่อคุณตะโกนคำว่า" Yes! "ดังกล่าวแล้ว ความรู้สึกที่ติดลบ (-)
ดังกล่าวจะจางลง ลบเลือนไปได้มากขึ้น และคุณจะมีความกล้ามากขึ้น
2.เหมือนเป็นการเปิดประตู ของความปรารถนาที่เร้นลับหรือซ่อนแฝงอยู่ในใจของคุณออกไป
ให้เห็นความปรารถนาชัดเจน ไม่ต้องอายอีกแล้ว ไม่ต้องรอคอย กดเก็บ
หรือลังเลอีกแล้วว่าจะทำได้หรือไม่ ได้รับหรือไม่ ใครจะคิดอย่างไรกับเราหรือไม่
เพราะคำตอบก็คือ Yes! อยู่แล้วไง
คุณจะไม่แคร์หรอกว่า ใครจะคิดอย่างไร
คุณ จะรู้สึกโล่งและปลอดภัยกับการแสดงความต้องการของคุณออกไป เช่น
ใช่! ฉันอยากได้......
ใช่! ฉันอยากเป็น.......
ใช่! ฉันอยากทำ, อยากไป......
ฉันอยากสวย อยากรวย ฉันอยากมีแฟน......ฯลฯ
ปลดปล่อยมันออกมา แล้วจะหายอึดอัด
3.เหมือนเป็นการสัญญากับตัวเอง ปลูกจิตสำนึกกับตัวเองว่า " เราทำได้ "
จะ เกิดความหวังเป็นสีชมพู มองโลกสดใสขึ้น พลังจิตใต้สำนึกในแง่บวก (+) จะแสดงออกมามากขึ้น
สิ่งที่หวังนั้นมีหลากหลาย ทั้งที่ทำได้ง่ายและทำได้ยาก แต่เราจะรู้สึกว่า ทำได้ ทั้งนั้น ทั้งสิ่งที่ยากและง่าย
เพราะมีแต่ความรู้สึกและคำ กล่าวที่ว่า......ทำได้ เป็นไปได้ เอาให้ได้ ใช่แล้วสิ่งนี้......
หรือ สิ่งที่คิดว่าทำไม่ได้ ก็จะง่ายขึ้น เช่น อดทนได้ ยอมได้ รอคอยได้
ยอมแพ้ได้ ขอโทษได้ ลดตัวตน (อีโก้) ลงได้ ลืมได้ อภัยได้
คำ ว่า 'Yes!' นี้ จะไปกระตุ้นพลังจิต และจิตใต้สำนึกในแง่บวก (+)
ให้เกิดความหวัง ความมั่นใจ ความกล้าหาญ ความคิดเชิงบวก (+)
ทำให้มองข้ามอุปสรรค ความท้อถอย หงอยเหงา ดูถูกตัวเอง และความคิดเชิงลบ (-) ออกไป
ทุกอย่างในชีวิตมีแต่คำว่า" Yes " หรือ ' ได้ '
และจะเกิดการกระตุ้นให้ลงมือทำกิจกรรมที่เหมาะสมต่อไป
ทำให้เต็มที่ ผลออกมาได้แค่ไหนก็แค่นั้น เก่งมาก-ดีมากแล้ว Yes...Yes..Yes
ผล ที่ได้อาจจะได้มาก ได้น้อย ได้เร็ว ได้ช้า ก็ไม่เป็นไร
.....มี แต่คำว่า ' ได้ ' เท่านั้น ไม่มีคำว่า 'เสีย' หรือ 'ไม่ได้' เลย
ลองหัดใช้บ่อยๆ ซิ สิ่งดีๆ จะเกิดกับชีวิตคุณมากขึ้น
แล้วจะไม่ให้ผมชอบคำว่า " Yes " ได้อย่างไร
คุณ ล่ะ เริ่มชอบมากขึ้นหรือยัง?
ใช่เลยคุณทำได้